22 Nov

การนำสัตว์เลี้ยงร่วมเดินทางบนเครื่องบิน

การนำสัตว์เลี้ยงร่วมเดินทางบนเครื่องบิน

การเดินทางโดยนำสัตว์เลี้ยงมาด้วย

ผู้โดยสารที่นำสัตว์เลี้ยงเข้าหรือออกนอกประเทศจะต้องปฏิบัติตามกฎของการท่าอากาศยาน เเละ เเจ้งต่อสำนักงานการเดินทาง โดยมีข้อเเนะนำในเรื่องข้อบังคับต่างๆ

ขั้นตอนการส่งสัตว์เลี้ยง (สุนัข แมว นก ฯลฯ) ออกนอกราชอาณาจักร

ข้อมูลจาก กรมปศุสัตว์ www.dld.go.th

การดำเนินการ

  • ยื่นคำร้องขอส่งสัตว์ออก (แบบ ร.1/1)
  • ตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนการเดินทางไม่เกิน 2-3 วัน
  • ด่าน ฯ ออกใบอนุญาตส่งสัตว์ออก (แบบ ร.9) พร้อมเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์ (HEALTH CERTIFICATE)

คำแนะนำ

  • ในการยื่นคำร้องขออนุญาตส่งสัตว์ออกนอกราชอาณาจักร ควรมีเอกสารประกอบดังนี้
  • สำเนาพาสปอร์ตเจ้าของสัตว์
  • สำเนาบัตรประจำตัวผู้ดำเนินพิธีการส่งออก
  • สำเนาใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (RABIES VACCINATION CERTIFICATE) กรณีสุนัข แมว ส่งออก
  • ถ้าเป็นนก หรือสัตว์ชนิดอื่น ต้องมีเอกสารรับรองการส่งออกจากกรมป่าไม้ หรือคำยินยอมให้ส่งออกได้จากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานฯ และหรือมีเอกสาร CITES กำกับ
  • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ส่วนควบคุมการเคลื่อนย้ายและกักกัน สำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ พญาไท กรุงเทพ 10400

Tel. (02) 653-4444 ต่อ 4174,4175,4177-4179

Fax. (02) 653-4865            E-mail : dcontrol8@dld.go.th

ทาง Admin ได้อ่านพบบทความเกี่ยวกับการนำสุนัข ขึ้นเครื่องบิน  เห็นว่ามีรายละเอียดครบถ้วน  จึงขอนำมาแชร์ต่อครับ

ขอขอบคุณ  ข้อมูลจาก dogilike.com  ครับ

เตรียมสุขภาพและเอกสารสำคัญสุนัขให้พร้อมก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

  1. สุนัขที่จะสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้นั้น ต้องมีอายุเกิน 4 เดือนขึ้นไป และได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน โดยเฉพาะโรคพิษสุนัขบ้าและต้องมีสมุดวัคซีนยืนยัน
  2. เจ้าของต้องพาสุนัขไปฝังไมโครชิพ ISO11784 หรือ 11785 โดยสามารถฝังได้ที่โรงพยาบาลสัตว์หลายแห่ง ค่าใช้จ่ายในการฝังประมาณ 600 บาท สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ ตอนกรอกแบบฟอร์มขอใบรับรองไมโครชิพ จะต้องระบุว่าขอภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
  3. หลังจากนั้นหนึ่งเดือนจะต้องพาสุนัขไปตรวจเลือด สำหรับผู้ที่จะพาสุนัขไปประเทศในกลุ่ม EU มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นห้องแลปที่ได้รับการรับรองโดยกลุ่มประเทศอียูเท่านั้น โดยค่าใช้จ่ายในการตรวจเลือดค่อนข้างสูงมาก ประมาณ 15,000 บาท
  4. จากนั้นเมื่อได้ผลเลือดเรียบร้อย ให้กรอกข้อมูลลงไปในหนังสืออนุญาตให้นำเข้าสัตว์จากประเทศปลายทาง โดยข้อมูลสำคัญที่ต้องกรอกคือ ข้อมูลระบุรายละเอียด  (เช่น อายุ สายพันธุ์ สี ขนาด ฯลฯ) ข้อมูลของเจ้าของ วันที่ฉีดวัคซีน ฝังไมโครชิป ตรวจเลือด และรับรองผลการตรวจเลือดโดยสัตวแพทย์ของรัฐ ซึ่งกรณีนี้ ผู้ที่มีอำนาจลงนามได้คือผู้อำนวยการที่สำนักงานกรมปศุสัตว์ )

และเมื่อจัดการเรื่องหนังสืออนุญาตให้นำเข้าสัตว์จากประเทศปลายทางเรียบร้อยแล้ว เราก็จะต้องเตรียมหลักฐานอื่น ๆ เช่น สมุดวัคซีนหมา ใบรับรองไมโครชิพ  บัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ของเจ้าของ  ฯลฯ

ขั้นตอนการพาสุนัขออกนอกประเทศ

หลังจากจัดการเรื่องการตรวจสุขภาพและเอกสารสำคัญกันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เรามาดูขั้นตอนการดำเนินการพาน้องหมาออกนอกประเทศกันบ้าง

  1. จะต้องเตรียมหนังสืออนุญาตให้นำเข้าสัตว์จากประเทศปลายทาง (Import permit) พร้อมเงื่อนไขการนำเข้า(Requirement) ซึ่งต้องมีรายละเอียด ดังนี้

– ชนิดของสัตว์ เพศ พันธุ์ อายุของสัตว์ที่อนุญาตให้นำเข้า

– ชนิดของวัคซีนและระยะเวลาการฉีดวัคซีน

– การตรวจรับรองเพิ่มเติม เช่น ระดับภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้า ต้องไม่ต่ำกว่า 0.5 IU/ml. ผลการตรวจโรคไข้หวัดนก เป็นต้น (แล้วแต่ประเทศปลายทางกำหนด)

– สัญลักษณ์ประจำตัวสัตว์ เช่น รอยสัก , ไมโครชิพ , ลักษณะเด่น

– ข้อห้ามอื่น ๆ ห้ามตัดหู , ตัดหาง

  1. ผู้มีความประสงค์ส่งออกสัตว์

– จะต้องติดต่อขออนุญาต ณ ด่านกักกันสัตว์ที่ท่าอากาศยานของสายการบินที่จะโดยสาร โดยต้องล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เช่น ท่าอากาศยานกรุงเทพ เชียงใหม่ , ภูเก็ต ฯลฯ โดยกรอก คำร้องแบบ ร.1/1 พร้อมยื่นเอกสารประกอบ

– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้าน , หรือสำเนา หนังสือเดินทาง

– สำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีบริษัท , ห้างหุ้นส่วน)

– หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรผู้มอบและผู้รับมอบ

– สมุดรับรองกรณีการฉีดวัคซีนพร้อมสำเนา

  1. ผู้ที่จะนำสัตว์เลี้ยงไปต่างประเทศควรนำสัตว์เลี้ยงมาตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนการส่งออก ประมาณ 2-3 วัน เนื่องจากบางครั้งอาจต้องรอคิวนานอาจทำให้ขึ้นเครื่องบินไม่ทัน
  2. เอกสารประกอบคำร้องถูกต้อง ครบถ้วน และสัตว์มีสุขภาพดี ด่านกักกันสัตว์จะออก ใบอนุญาตส่งออกสัตว์ไปต่างประเทศ (แบบ ร.9) และหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certificate) เพื่อนำไปแสดงต่อศุลกากร เจ้าหน้าที่สายการบิน และสัตวแพทย์ประเทศปลายทาง โดยค่าธรรมเนียมการส่งออกสำหรับสุนัขจะอยู่ที่ 50 บาท (ใบ Health Certificate ไม่ควรขอล่วงหน้าก่อนเดินทางหลายๆ วัน เพราะว่าหนังสือรับรองนี้มีอายุ 10 วัน เท่านั้น )

หลังจากที่ดำเนินการเรื่องเอกสารสำคัญต่างๆ ที่จะใช้นำน้องหมาเดินทางออกนอกประเทศเรียบร้อยแล้ว ที่นี้ก็ถึงเวลาเลือกสายการบินที่จะใช้เดินทางแล้ว โดยในขั้นตอนนี้เพื่อความสะดวกควรเลือกสายการบินที่บินตรงไปถึงประเทศปลายทางเลย นอกจากนี้ยังควรเลือกสายการบินที่มีบริการให้สุนัข เดินทางไปพร้อมกับเราในรูปแบบของ accompanied luggage (โหลดลงใต้เครื่องในลักษณะเดียวกับสัมภาระ) ซึ่งทางสายการบินจะคิดราคาเป็นน้ำหนัก ขึ้นอยู่ว่าจะไปที่ไหน แล้วคูณด้วย 150% นอกนั้นก็มีค่า terminal charge และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

… ค่อนข้างมีขั้นตอนที่วุ่นวายและซับซ้อนพอสมควรเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วใครที่คิดจะพาน้องหมาโกอินเตอร์ไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องศึกษาข้อมูลกันอย่างละเอียดหน่อย  เพราะการเดินทางไกลๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งกายและใจของน้องหมาได้ ดังนั้นจึงควรศึกษารายละเอียดในการเดินทางให้รอบคอบ และตรวจเช็คสุขภาพน้องหมาให้พร้อมเต็มร้อยก่อนเดินทางทุกครั้ง

 

 

 

บทความโดย : Dogilike.com

ข้อมูลอ้างอิงบางส่วน :

www.thonglorpet.com/

ADISA ACTIVE TRAVEL